วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การผสมพันธุ์สุนัข

สุนัขตัวผู้ : จะแสดงอาการกระตือรือร้นเรื่องเพศเมื่ออายุประมาณ 6-8 เดือน แต่ควรจะรอให้สุนัขโตเต็มที่เมื่ออายุ 1 ปีขึ้นไปควรบำรุงพ่อพันธุ์ให้กินอาหารที่มีโปรตีนมาก ๆ และต้ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่าให้อ้วนหรือผอมเกินไป เพราะเมื่อพ่อพันธุ์แข็งแรงก็จะผลิตตัวอสุจิที่แข็งแรง จะได้ผสมกับไข่จำนวนมากในขณะเป็นสัดทำให้ได้ลูกครอกใหญ่ มีลูกหลายตัว

สุนัขตัวเมีย : การเลี้ยงดูแม่พันธุ์ควรได้รับสารอาหารครบถ้วนทั้งโปรตีน วิตามินและเกลือแร่ โดยเฉพาะวิตามินอีที่มีผลต่อการสืบพันธุ์และผสมติด แต่ต้องระวังอย่าให้อ้วนเพราะจะทำให้โอกาสในการผสมติดมีน้อย แม่สุนัขที่เริ่มเป็นสัดครั้งแรกยังไม่ ควรให้ผสมเพราะความสมบูรณ์ยังไม่พร้อมเต็มที่ ควรเว้นไป 2 รอบการเป็นสัดการเป็นสัดจะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของสุนัข

การจับคู่ : ไม่ควรผสมพันธุ์ระหว่างสุนัขที่มีสายเลือดใกล้ชิดกัน เช่น พ่อหรือแม่กับลูก ซึ่งเรียกว่าการผสมในสายพันธุ์(in breed)เพราะจะทำให้ลูกสุนัขที่เกิดมารวบรวมเอาสิ่งที่ไม่ดีหรือข้อด้อยจาก สายเลือดให้มีมากขึ้น เช่น โรคต่าง ๆ ความไม่แข็งแรงของอวัยวะบางส่วน เป็นต้น นอกจากนี้ไม่ควรผสมสุนัขแบบเปะปะระหว่างสายพันธุ์ต่างกัน เพราะนอกจากจะได้ลูกสุนัขพันธุ์ทางแล้วยังเป็นการกระจาย สุนัขที่มีสายเลือดไม่แท้ออกไป อาจมีผลร้ายที่ผู้ไม่รู้เกิดนำไปขยายพันธุ์ต่อก็ยิ่งจะกลายพันธุ์หนักเข้าไป อีก ซึ่งการจับคู่พ่อแม่พันธุ์สามารถศึกษาสายพันธุ์ได้จากใบประวัติหรือที่เรียก ว่าเพ็ดดีกรี(pedigree)

วงรอบการเป็นสัด
โดยปกติสุนัขมีรอบการ เป็นสัดปีละ 2 ครั้ง คือทุก 6 เดือน ระยะเวลาของการเป็นสัดโดยปกติเฉลี่ย 18 วันแต่บางตัวอาจนาน ถึง 21 วันระยะของการเป็นสัดนั้นมี4ระยะสามารถจำแนกได้ดังนี้

ระยะที่ 1 ก่อนเป็นสัด (Pro-Estrus) เป็นช่วงที่เจ้าของสามารถสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวสุนัขมากที่สุด โดยอวัยวะเพศของสุนัขจะบวมและมีเลือดแดงไหลจากช่องคลอดช่วงนี้สุนัขตัวผู้จะ วนเวียนเข้ามาใกล้ตัวเมียบางรายอาจจะเห่าหอน สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าสุนัขเพศเมียที่เป็นสัดจะปล่อยฟีโรโมนออกไปจาก ตัวของมันเพื่อส่งสัญญาณให้คู่ของมันทราบว่า ตอนนี้มันจวนจะถึงเวลาที่จะสืบพันธุ์แล้ว ช่วงนี้จะกินเวลา ประมาณ 9 วัน ซึ่งแม่สุนัขจะยังไม่ยอมรับการผสมพันธุ์

ระยะที่ 2 เป็นสัด (Estrus) ช่วงนี้สุนัขจะยอมผสมพันธุ์และมีการตกไข่เกิดขึ้นการเปลี่ยนแปลงที่เราจะ สังเกตเห็นได้คือสุนัขจะมีน้ำเลือดไหลออกมาจางมากๆ จะยินยอมให้สุนัขตัวผู้ขึ้นขี่หลัง ถ้าลองเอามือกดบริเวณหลังช่วงสะโพกจะพบว่าแม่สุนัขจะยืนหลังแข็งรับแรงกดที่ เกิดขึ้นได้ ระยะนี้จะกินเวลาเฉลี่ย 9 วัน

ระยะที่ 3 ช่วงท้ายของการเป็นสัด (Met-Estrus) เป็นระยะที่หลังจากเป็นสัดจะมีอิทธิพลของฮอร์โมนโปรเจสเตอร์โรนสูง สุนัขบางตัวที่ไม่ได้ผสมพันธุ์อาจจะมีอาการท้องเทียมเกิดขึ้นได้ ก็เพราะอิทธิพลของฮอร์โมนชนิดนี้นั่นเองระยะนี้กินเวลาเฉลี่ย 90 วัน

ระยะที่ 4 ระยะไม่เป็นสัด เป็นช่วงพักที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกี่ยวข้องทางเพศของแม่สุนัขเลย กินเวลาเฉลี่ย 75 วัน

การผสมพันธุ์
ควร เริ่มผสมประมาณวันที่ 10-14 หลังจากเริ่มเป็นสัด คือระยะที่สองของการเป็นสัดนั่นเอง การผสมอาจทำเพียงครั้งเดียวก็ได้ แต่ส่วนใหญ่เพื่อให้ได้ผลแน่นอน มักจะผสมสองครั้งห่างกัน 24 ชั่วโมง การผสมตัวผู้จะขึ้นคร่อมโดยใช้ขาหน้ารัดเอวตัวเมีย บางตัวอาจไม่เคยผสมมาก่อนเจ้าของจำเป็นจะต้องช่วยจับอวัยวะเพศตัวผู้ใส่ให้ ซึ่งตัวผู้จะคาค้างไว้ในช่องคลอดเป็นเวลานาน 20-30 นาที หรือที่เรียกว่า"ติด" นั่นเอง เพื่อให้น้ำอสุจิเข้าสู่มดลูกได้สะดวก หลังจากนั้นก็จะหลุดออกมาเองโดยอัตโนมัติ สำหรับการนำแม่พันธุ์ไปผสมกับพ่อพันธุ์ที่อยู่ห่างไกล ควรนำไปก่อนที่จะมีกำหนัดประมาณ 7 วัน เพื่อให้สุนัขได้คุ้นเคยกับพ่อพันธุ์และสิ่งแวดล้อม และเมื่อผสมพันธุ์แล้ว 4 วันควรทำการถ่ายพยาธิอีกครั้ง

สรุปคำแนะนำขั้นตอนการผสม
1. พาแม่พันธุ์ไปตรวจสุขภาพและความผิดปกติทางกรรมพันธุ์
2. เตรียมหาเจ้าของใหม่ให้ลูกสุนัขหรือเลี้ยงดูเอง
3. หากเป็นพันธุ์แท้ควรลงทะเบียนประวัติกับสมาคมพัฒนาพันธุ์สุนัข(ประเทศไทย)
4. ติดต่อหาพ่อพันธุ์สุนัขจากฟาร์มหรือคอกสุนัขที่เชื่อถือได้
5. ในบริเวณที่มีปัญหาโรคแท้งติดต่อควรตรวจสอบว่าพ่อพันธุ์ไม่เป็นโรคนี้
6. ถ้าพาแม่พันธุ์เดินออกกำลังกายนอกบ้านควรมีสายจูงเสมอ
7. ขณะผสมพันธุ์อาจต้องประคองบั้นท้ายของสุนัขให้ติดกัน เนื่องจากลึงค์ของพ่อพันธุ์ขยาย ใหญ่แน่นกับช่องคลอด ถ้าแม่พันธุ์สลัดหลุดก่อนอาจทำให้ได้รับบาดเจ็บทั้งคู่
8. ผสมพันธุ์ซ้ำอีกครั้งใน 24 ชั่งโมงถัดมา
9. หลังการผสมพันธุ์ 3 สัปดาห์นำไปหาสัตวแพทย์เพื่อตรวจการตั้งท้อง

ที่มา จาก เว็บบอร์ด http://www.pitbullzone.com บทความ sorajin41

วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เครื่องวิ่ง (TREADMILLS) และ สปริงโพล SPRINGPOLE

เครื่องมือช่วยออกกำลังกาย สำหรับพิทบูล

เครื่องวิ่ง (TREADMILLS) และ สปริงโพล SPRINGPOLE

เครื่องวิ่ง เป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมให้สุนัขมีรูปร่างที่ดีขึ้น หรือเหมาะกับเวลาที่เกิดฝนฟ้าตกไม่เป็นใจ ออกกำลังกายนอกบ้านก็ดูจะเป็นเรื่องลำบาก หรือพื้นที่นอกบ้านไม่สามารถปล่อยพิทบูลนอกสายจูงได้. หลายๆ คน แสดงให้เห็นว่าสุนัขของพวกเขา เหมาะกับการออกกำลังลักษณะนี้ เช่นในสุนัขที่ไว้แข่งขันหรือลากน้ำหนัก. เครื่องวิ่งจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดี เพราะว่า พิทบูลเป็นสุนัขที่มี พละกำลัง และพลังงานสูง , รูปร่างต้องล่ำสัน,จึงเป็นเหตุผลที่น่าจะใช้เครื่องวิ่ง (treadmill) เพื่อช่วยออกกำลังกายให้สุนัขมีสุขภาพและร่างกายที่แข็งแรง




ก่อนนำสุนัขเล่น
springpole ทุกครั้ง ควรนำสุนัขออกเดินนานๆ เพื่อให้สุนัขท้องว่าง มิเช่นนั้นอาจทำให้สุนัขเกิดอันตรายได้.


นี่ก็เป็นสิ่งที่เจ้าของนิยมชมชอบ, และเชื่อว่าสุนัขของเขาก็ชอบด้วยเช่นกัน. เมื่อเราฝึกเขาให้เขากัด โหนเชือก (hang) จากต้นไม้ และผูกเชือกนั้นกับ ผ้าหรือขนสัตว์ที่ส่วนปลายเพื่อให้สุนัขกัด, และส่วนนี้ปลายนี้ ก็เป็นส่วนสำคัญ เพราะจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยป้องกันฟันของสุนัข

ที่ส่วนบนสุด คุณอาจมัดกับสปริงเพื่อให้ยืดหยุ่น และจะเป็นตัวช่วยป้องกัน ฟันและหลังของสุนัขขณะเล่น pole ด้วย.
สิ่งที่ต้องระวัง คือ ห้าม ฝูงเชือก หรือผ้าสูงเกินไป, ที่ดีที่สุดคือ ควรให้สุนัขสามารถยืนได้ทั้ง 4 ขา ในระหว่างที่เค้ากำลังดึงผ้า ,เชือก หรือขนสัตว์. ซึ่งถ้าคุณให้เค้าเล่นกัดชนิดที่ ลอยกลางอากาศ.ลองเดาดูสิว่า หากปากเค้าหลุดจากการกัดหรืองับเชือก ในขณะที่ลอยอยู่ ผลก็คือ จะทำให้หลังของสุนัขหัก และ ต้องเข้าหาสัตวแพทย์ , คุณคงไม่ต้องการให้สิ่งนี้เกิดขึ้นใช่ไหม?
นี่คือตัวอย่างที่ไม่ควรทำตาม.

นี่คือสุนัขที่ฝึกกรามดีแล้ว , แต่หากเกิดพลาดพลั้งขึ้น สิ่งที่ตามมาก็จะเกิดการบาดเจ็บที่เลวร้ายมาก ถ้าสุนัขเกิดหลุดจากผ้า และหลังตกลงมากระทบพื้น, ทางที่ดี ควรฝึกและให้เค้าเล่นโดยที่เท้าทั้ง 4 ข้างของเค้ายังอยู่บนพื้นจะดีกว่า....
การเล่นที่ปลอดภัย
มีสถิติที่ได้ถูกบันทึกไว้ว่า ถ้าเขาต้องการให้สุนัขกัดโหนลอยเป็นอิสระกลางอากาศ จะอยู่ได้นานต่อเนื่อง 17.25 นาที แต่มีอีกคนหนึ่งให้สุนัขกัดโดยที่ขาทั้ง 4 ยังอยู่บนพื้น ที่ อเมริกาใต้ บันทึกไว้ว่า ทำได้ 1 ช.ม. 10 นาที ในการแข่งขัน long hang contest สุนัขของเขาชื่อ Hitler.


หากคุณมีสุนัขที่ยังไม่เคยวิ่ง เครื่องวิ่ง, หรือไม่รู้ว่าจะเริ่มฝึกอย่างไร อ่านตรงนี้ครับ



ทำให้สุนัขของคุณท้องว่างก่อนพาขึ้นวิ่ง และจับเข้าใส่ปลอกคอ หรืออาจเป็นสายรัดอกก็ได้ แล้วลองให้เขาวิ่ง ลองวิ่งดูประมาณ 3 นาที. สุนัขน่าจะวิ่งได้ใน 3 นาทีนี้, แต่ไม่ควรยุให้วิ่งมากขึ้นหรือหนักขึ้น.พาเขาลง และฝึกเขาให้วิ่งเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาทำได้ดีขึ้นมาก. ก็เพิ่มเวลาขึ้นเป็น 5 นาที แต่หากเขาทำไม่ได้ให้หยุดทันที และนำลงจากเครื่องวิ่ง ไม่ควรหักโหม หรือฝืนเขา เพราะอาจจะทำให้เขากลัวเครื่องวิ่งไปเลยก็ได้
ในหนึ่งวันไม่ควรให้สุนัขวิ่งเกิน 20 นาที, และควรดูอยู่ใกล้ๆ สังเกตุอาการ การเหนื่อยล้า. ถ้าเริ่มอ้าปาก หอบ ผิดปกติ ให้รีบหยุดวิ่ง และให้เขาพักผ่อน อย่าฝืนวิ่งต่อ สุนัขอาจช็อกได้ และไม่ควรให้กินน้ำโดยทันทีหลังจากเกิดอาการ



นี่ก็เป็นเครื่องวิ่งอีกแบบหนึ่ง สามารถวิ่งได้ 2 ตัวพร้อมกัน
วงด้านนอก - เร็ว วงด้านใน - ช้า / หนัก

บทความจาก : http://www.pitbullgroup.com